สำลักสายน้ำติดเชื้อ

อาจเป็นเพราะลมร้อนข้างนอกนั่น การเดินฝ่าแดด และเสียงโหวกเหวกบนเส้นทางสัญจร

เมื่อเข้ามานั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์มืดๆ เงียบๆ มีเสียงน้ำหลาก และองค์ประกอบภาพเย็นฉ่ำ

… สติส่วนหนึ่งหลุดไป คล้ายว่ากำลังจะหลับฝัน

บางจังหวะของภาพและเสียง ไพล่นึกไปถึงบรรยากาศห้องทำสมาธิในสวนโมกข์กรุงเทพฯ ที่มีโปรเจคเตอร์ฉายภาพน้ำหยด และเสียงแอมเบี้ยนประกอบ ต่างออกไปตรงที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ชักนำเราไปสู่ความสงบ แต่เป็นการดำดิ่งลงไปเผชิญปัญหา ที่เราไม่เคยมองว่าเป็น “เรื่องของเรา”

สายน้ำติดเชื้อ ภาพยนตร์โดยนนทวัฒน์ นําเบญจพล  เข้าฉายในห้างใหญ่ ที่คนอย่างเราๆ เดินเล่นยามเย็นและสุดสัปดาห์

เราเดินในแอร์เย็นฉ่ำ หันซ้ายขวาก็เห็นของกินไม่เคยขาด (จะขาดก็เป็นเพียงเงินในกระเป๋า) ปัญหาเรื่องปากท้องพิงอยู่กับโครงสร้างเศรษฐกิจและอัตราการว่างงาน

แต่จู่ๆ เมื่อตีตั๋วเข้าชมหนังเรื่องนี้

ผู้กำกับชักพาเราไปนั่งเงียบๆ ในชนบท ท่ามกลางวิถีชีวิตกะเหรี่ยง
เขาอยู่กันอย่างนั้นมานานมากแล้ว ดำเนินวิถีชีวิตที่หากินกับป่าและแม่น้ำ เงินทองอาจเป็นเพียงกระดาษว่างเปล่าที่มีรอยพิมพ์ เพราะนำไปย่างกินก็คงมีแต่กลิ่นไหม้ ปราศจากมวลสารที่เรียกเป็นอาหารได้

เปล่า เราไม่ได้จะพูดถึงเศรษฐกิจติดดิน ที่ต้องแบ่งสัดส่วนที่ดิน และไล่คนกรุงออกมาอยู่ต่างจังหวัด

แต่กำลังจะพูดถึงว่า ทุกชีวิตกระทบถึงกันหมด ไม่ว่าเราจะอ้างระยะทางว่าห่างกันสักเพียงไหน

ความมั่งคั่งในเมืองหลวง มีหรือ จะไม่เปื้อนเลือดของคนกะเหรี่ยงที่สูญเสียแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอันบริสุทธิ์แต่เก่าก่อน

เราไม่จำเป็นต้องถือขวานไปจามต้นไม้ ก็อาจกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับการทำลายแหล่งน้ำ และเพื่อนมนุษย์ที่อยู่กับป่าผู้หาเลี้ยงชีพด้วยหอกและก้านหนังสติ๊ก

“ไม่กินข้าวกับนก จะให้กินกับอะไร” เด็กโตสุด เดินย่ำใบไม้ กำลังสอนเด็กเล็กๆ ยิงนก หากินตามวิถีชุมชน

เราสะอึก พบทางเลือกอันน้อยนิดของคนที่อยู่แสนไกล
แต่แล้วเราจะทำอะไรได้

เมื่อสายน้ำติดเชื้อไปเสียแล้ว

หนังเล่าเรื่องด้วยการไม่เล่าอะไรเลย เราเป็นคนหนึ่งที่เข้าโรงด้วยหัวสมองที่ไร้ข้อมูล แต่ถูกจับไปนั่งดูการใช้ชีวิตของชาวกะเหรี่ยงที่แสนเป็นธรรมชาติ พูดไทยบ้างสลับภาษาชนเผ่า ภาพแรกๆ ของหนัง เราคือคนนอกโดยแท้ แต่จากเคอะเขินในคราวแรก ก็เริ่มดื่มด่ำกับบรรยากาศ แสงแดดอ่อนโยนในไอหมอกความหนาว ลมหายใจของตัวละครพ่นละอองขาวตามจังหวะพูด ภาพการหุงหาอาหารรับอรุณ ใบไม้โบกไหวตัดกับท้องฟ้า

แล้วก็เกือบหลับไป

นี่เป็นหนังที่ดูยาก มีหลายฉากที่ตัดมาแบบไม่มีเรื่องราวใดเล่า ข้อความที่สื่ออาจจะสั้นเมื่อเทียบกับระยะเวลาแช่ภาพกิจกรรมเดี่ยวๆ ที่แสนยืดยาว

กระนั้นก็พอเข้าใจสาเหตุของความง่วงเหงา เราค่อยๆ เคลื่อนคล้อยเข้าสู่โลกธรรมดาสามัญของอีกชนเผ่า นี่ไม่ใช่การสร้างฉากสมมติแฟนตาซีลี้ลับ แต่คือโลกของ “มนุษย์” แบบเรา ไม่ต่างจากเรา เขาแค่ใช้ชีวิตไม่เหมือนเรา
และเมื่อเจอปัญหาในการดำรงชีวิต

เขาก็วิตกกังวลไม่ต่างจากเรา

ที่เขาทำไม่ได้คือการเรียกร้อง ส่งเสียง ประท้วง ยกอ้างความสำคัญของตัวเองต่อสังคม และสิทธิอันชอบธรรมในการหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติเพื่อใช้ประโยชน์

ด้อยกว่าสิทธิในสัมปทานของใครๆ ตรงไหนหรือ

ตะกั่วยังคงอยู่ในธารน้ำ
กะเหรี่ยงยังคงดำผุดดำว่าย เพื่อหาปลามาเลี้ยงกระเพาะ
เด็กเล็กยังคงนอนกลางวัน พวกเขามีเท้าเล็กๆ มือเล็กๆ จมูกเล็กๆ และกระเพาะเล็กๆ ที่จะเติบโตไปตามวันวัย และไม่รู้ว่าจะต้องเจอความแร้นแค้นใดในภายภาคหน้า

เรายังคงนั่งหายใจในห้างปรับอากาศ มีเสียงกรุ้งกริ้งของจานและส้อมในร้านอาหารหรูรายรอบ และบรรดาสิ่งล้นเกินทั้งหลาย

มีมาก แต่ไม่รู้จะแบ่งปันอย่างมีมนุษยธรรมอย่างไรดี

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.