เธอเอาผมทัดหู จ้องมองดอกนางแย้ม ฟังเสียงเข็มนาฬิกาสองเรือนกระดิกเข็มคั่นจังหวะกัน
กี่โมงแล้ว เธอถามพระอาทิตย์
นาฬิกาบอกเวลาตายตัว เธอไม่ชอบให้ตัวเลข วินาที วันที่ เดือน หรือปีมากำหนดว่าเธอควรทำอะไรตอนไหน.. มันผิดธรรมชาติ
เสียงน้ำฉีดพุ่งจากสายยาง เริ่มทำกิจกรรมโปรดของวัน เสื้อผ้าเนื้อนิ่มลายดอกแดงส้ม พลิ้วตามจังหวะหันตัว ทรวดทรงชัดเจนยามไม่ใส่เสื้อชั้นใน ไม่มีอะไรต้องปิดบังท่ามกลางดอกไม้ใบหญ้าที่เปิดเปลือยตัวเองในแสงแดดยามเย็น
เธอนึกถึงเขา ชายหนุ่มร่างบางสวมแว่นกรอบเหลี่ยม นึกถึงบทสนทนาในแสงจันทร์เมื่อเดินกลับหอ เหลือบมองตำราเศรษฐศาสตร์จุลภาคที่เขาถืออยู เธอไม่เคยอยากได้ฝ่ามือใครมาครองเท่ากับเขา
มันไม่เคยเกิดขึ้น
ใบไม้เต้นระริกระรัวในกระแสน้ำ เธอหัวเราะเบาๆ ฉีดรดพื้นหญ้าส่วนที่ยังแห้งผาก ปิดก๊อกน้ำ ม้วนสายยางหนาขดเป็นวงวางไว้ริมกำแพง ล้างมือจากน้ำกระแสอ่อนที่ไหลมาเป็นเฮือกสุดท้าย แล้วสะบัด คิดถึงเขาหรือแค่นึกถึงเขา คำถามเชยๆ ที่ผุดขึ้นมาเสมออย่างไม่มีความหมาย
มันเป็นความต้องการ หรือแค่เพียงความทรงจำที่ดันนึกขึ้นมาได้ทุกวัน อาจเป็นจังหวะทับกันของนาฬิกาสองเรือน
ไรผมเธอมีหยาดเหงื่อแซม
“เราเคยชอบแกด้วยแหละ”
เธอบอกเขาเช่นนั้น ตอนย่ำเย็นวันหนึ่งเมื่อเขาเลิกงาน เธอนัดมาเดินเล่นเรื่อยเปื่อยริมถนนพญาไท
นั่นคือสิ่งที่เธอคิดอยู่สามปี แต่เลือกที่จะพูดหลังจากที่เธอคิดว่าเธอไม่ได้คิดเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
เขาหัวเราะ เธอหัวเราะ เสียงหัวเราะทำให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไป
แต่ในรอยร้าวเล็กๆ เสียงหัวเราะของเขาคือคำปฏิเสธที่นิ่มนวลและเยือกเย็น
เขามองเข็มนาฬิกา “เราต้องไปละ”
แดดสามสิบหกองศาสะท้อนตรงกับกรอบแว่นตา บดบังหน้าต่างอารมณ์
“ต้องไปก่อนเวลาสัก 15 นาที จากนี่นั่ง bts น่าจะราวๆ 20 นาที รถเมล์ก็เผื่อรอรถอีก รวมๆแล้วอีกเกือบครึ่งชั่วโมงนะ” เขาคำนวณเวลา เธอพยักหน้าเข้าใจ
เข้าใจว่าที่พูดทั้งหมดก็เพื่อไม่อยากให้เธอเข้าใจว่าเขาจากไปเพราะสิ่งที่เธอบอกเขา
ผิดที่เธอเองไม่เคยคิดคำนวณเวลาที่ผ่านไปอย่างชาวบ้านเขา
ค่าเสียโอกาสเมื่อคำนวณมาก็นับว่ามหาศาล
เธอส่งดอกนางแย้มให้เขา หวังว่ากลิ่นหอมจะทำให้ต่อมความรู้สึกของเขาทำงานบ้าง
![]() |
credit: Dahed Photography |