“โลกมันเศร้าเนอะ”
มองดวงตาอีกดวงที่ปริ่มน้ำตา คิดไม่ออกว่าควรพูดอะไรที่ดีกว่านั้น”ไม่ ไม่เกี่ยวกับโลก”
เธอหันมา ปล่อยให้ทุกอย่างตกลงพื้น ตามแรงโน้มถ่วง
ทั้งหยดน้ำตา ความรู้สึก และหัวใจ
—
เราทะเลาะกันเรื่องอะไร
สัญญาณปิดประตูของรถไฟฟ้าสยาม-บางหว้า ดังเป็นรอบที่ 5 ตั้งแต่เราสองคนนั่งสัมผัสความเย็นของม้านั่งหินอ่อน
เมื่อเจ็บปวดทางใจมากๆ คนเราจะคิดไปถึงสถานที่อื่น ฉากอื่น ที่ไกลออกไป จนเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตัวเราในปัจจุบัน
เราเห็นภูเขาหัวโล้นในจังหวัดน่าน เห็นดอกหญ้าริมบึงในหน้าร้อน
ชาวนาเดินลัดทุ่งในประเทศญี่ปุ่น ชาวเอสกิโมเดินหาเฟอนิเจอร์ในอิเกียเพื่อไปแต่งบ้านที่ไม่ใช่อิกลู
เห็นแสงสะท้อนน้ำจากนาน้ำขังในซาปากลางหุบเขาสลับซับซ้อน
เราอาจจะทะเลาะกับตัวเอง พอถึงจุดหนึ่งจึงขยายออกไปจนกลายเป็นการทะเลาะกับคนอื่น
เสียงสูดน้ำมูกของเธอดึงเรากลับมาสู่สยามสแควร์วัน และลมหนาวเจือมลพิษในมหานคร
ความเงียบถูกวางทิ้งไว้ระเกะระกะ อากาศดันตัวเข้ามาจนหัวจะระเบิด
“กลับบ้านกันเถอะ” เราพูด ถอนหายใจ ดึงสายเป้เข้ากระชับตัว
บ้านที่ว่าเป็นพหูพจน์ คนละทิศ คนละทาง
เธอหันมา นัยน์ตาแดงก่ำ ขมวดคิ้วขรึม
ต้องการคำตอบที่เราไม่มีให้
เรากลับคิดถึงแผนการซื้อตั๋วรถโดยสารบริษัทขนส่งจำกัด 480 บาท ขึ้นเหนือ ซื้อทางหนีให้กับตัวเอง
ที่ที่มีแต่ตัวเอง กับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ระหว่างกัน
บางทีความฝันของเราก็สั้นแค่ว่า คืนต่อไปอยากไปล้มตัวลงนอนตรงไหน
เห็นแก่ตัว โดดเดี่ยว ไม่ใส่ใจใคร
แท้จริงคือขี้ขลาด หวาดกลัวว่าในระยะทางที่แสนเปราะบาง จะเผลอขยับตัวผิดทิศทางและทำให้ทุกองศาแตกร้าว
—
การหนีไปไกลๆ อาจทำให้ได้ยินเสียงตกกระทบแตกกระจายในเดซิเบลที่ต่ำกว่า
เรานั่งซึมลึกมาสองวันแล้ว วันนี้ร้องไห้กบางร้านหนังสือเลย
ดีนะคนน้อย ฮ่าฮ่า
เราชอบตรงนี้ ‘แท้จริงคือขี้ขลาด หวาดกลัวว่าในระยะทางที่แสนเปราะบาง จะเผลอขยับตัวผิดทิศทางและทำให้ทุกองศาแตกร้าว’
อ่านจบแล้วซึมกว่าเดิม
: >
ถูกใจถูกใจ