บันทึกการเดินทางเมื่อเดือนมกราคม 2557
“ก่าเฟ เสือด๊า”
อ่าๆ คุณป้าพยักหน้าเข้าใจ แล้วกลับมาพร้อมกาแฟนมเย็น
อันบ๋าว (Anh Bao) หยิบแม็คบุ๊คขึ้นมาวางบนตัก แลดูน่ารักเมื่อเขานั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกสีแดงเตี้ยๆ ริมถนน
“นี่ เรามีเนตด้วยนะ” เขายื่นมือมาขอไอโฟนเราไป ใส่รหัส wifi ให้
นี่ไม่ใช่วัฒนธรรมโชว์นักท่องเที่ยว แต่คือวิถีชีวิตที่ยังคงเข้มข้นเหมือนกาแฟชงสด ยามเช้า บรรดาชายในเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลค หรือยูนิฟอร์มอื่นๆ และสาวออฟฟิศบางคน ต่างนั่งจับเข่าจิบกาแฟเรียงรายตามข้างถนน ใช้เวลาสั้นๆ กับเพื่อนฝูงก่อนเตรียมตัวเข้างาน
พวกเขานั่งอยู่แบบนั้นมานานแล้ว เรารู้สึกได้
และพรุ่งนี้เขาก็จะมานั่งแบบนี้อีก มันคือชีวิตประจำวัน เหมือนอาบน้ำแปรงฟัน
หากไม่ชอบนั่งเก้าอี้เตี้ยเหมือนกำลังซักผ้า อีกที่ที่บรรยากาศดีมาก แต่ยังอยู่ติดริมถนน คือร้านกาแฟในสวนสาธารณะเตาด่าน ใกล้ทำเนียบอิสรภาพ กาแฟรูปแบบเดียวกัน แต่ที่นั่งและพนักงานอัพเกรดขึ้นมาสองระดับ
ร้านกาแฟริมถนนที่นี่ กาแฟอาจจะรสหวานมากไม่ชินลิ้น แต่ความหอมมันนั้นรู้สึกได้ชัดเจนจริงๆ ยิ่งเมื่อกินสลับกับน้ำชาไปแล้ว
มันคือความสุขที่ละเอียดอ่อนมาก
อธิบายไม่ถูก
มันติดอยู่ที่ลิ้น และยังติดใจมาจนวันนี้
—
นอกจากการดื่มกาแฟและชาแบบน่ารักๆแล้ว
ตกกลางคืน ถนนเส้นบุ่ยเหวี่ยน ก็ครึกครื้นไปด้วยเสียงเพลงและแสงสี สิ่งที่น่าตกใจมาก หรือเรียกว่าเป็นอะเมซซิ่งไส่ก่อนคือ ในจุดจุดหนึ่งที่ร้านเหล้าหนาแน่น สองข้างทางแออัดไปด้วยผู้คนบนที่นั่งพลาสติกเตี้ยๆ หันหน้าเข้าหาถนน
มองเผินๆ ชวนให้นึกถึงการประชุมสภาอังกฤษ
เป็นเรื่องน่าแปลกใจ เพราะบนถนนที่ทอดมองกันไปก็ไม่ได้มีอะไร นอกจากมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่านไปมา และใบหน้าปริ่มแอลกอฮอล์ของผู้คนอีกฝากถนน
แต่สำหรับคนต่างชาติ อย่างเราๆ แค่ได้นั่งมอง
ยกเบียร์ไส่ก่อนขึ้นซด กลั้วกับกุ้ง หอย ปิ้งย่าง และไข่ข้าวที่มีขายดาษดื่นตรงนั้น
แล้วบอกตัวเองว่า “ที่นี่ไส่ก่อน”
แค่นั้นก็ทำให้ยิ้มจนตาเยิ้มแล้ว