ดาวโปร่งแสง

ฉันรู้จักเธอครั้งแรกจากการสบตากลมโต กรีดอายไลน์เนอร์เล็กน้อย แผงขนตาขยับสองทีพร้อมรอยยิ้มสว่างจ้า

อ๋อ คนนี้เอง คนที่ฉันหันไปมองหา เมื่อข้อเขียนของเธอถูกฉายขึ้นสไลด์ในห้องเรียนการเขียน

ย่อหน้านั้นบรรยายรอยตะเข็บกับความทรงจำของชายชราอย่างงดงาม

ทำให้ฉันรู้ว่า หนึ่ง ผู้เขียนใช้อุปมาได้แหวกแนวนอกขนบ สอง ผู้เขียนหมกมุ่นกับเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นพิเศษ เธอจึงเลือกสบตากับรอยตะเข็บ มากกว่าความว้าเหว่ในดวงตาของชายชราที่อยู่ตรงหน้า

แปลกคนจริง เธอผูกพันกับวัตถุมากกว่าคนหรือไงนะ

เธอโผล่มาแบบงงๆ ในเรื่องสั้น “ต่างดาวสีแดง” ที่ฉันเขียน เมื่อปี 2556

มีหญิงเพี้ยนคนหนึ่งทำให้ฉันอยากพกดอกไม้กลิ่นหอมออกจากบ้านทุกวัน เธอเอาดอกพุดมาให้ดมในวันพฤหัส และบอกว่า ถ้าปล่อยไปมันจะตายคาต้น

เธอชี้ให้เห็นรอยหนอนแทะบนใบเขียว ซ่อนตัวอยู่ใต้ความงามของกลีบดอกไม้นั้น
มันน่าเกลียด แต่เมื่อนำมาดม “มันหอม” เธอบอก แล้ววางมันไว้ขนาบจานข้าวของเราสองคน
นั่นเป็นมื้อที่กลิ่นเครื่องเทศปะปนไปกับความหวานหอมของดอกไม้ กลมกล่อมดี
หญิงเพี้ยนชอบเขียนข้อความชวนฉงนบนกำแพงสีฟ้าทุกเที่ยงคืน แฟนนานุแฟนเฝ้าดูถ้อยแถลงของเธอ
ฉันรู้สึกว่าเป็นข้อความมาจากดาวอื่น มันมีรสชาติที่แปลกประหลาด แต่โดยสรุปแล้วอร่อยน่าพึงใจ
เหมือนการหัดกินปลาร้าหรือทุเรียนเป็นครั้งแรก
บางครั้งก็เหมือนรสเบียร์ที่เราพูดอะไรไม่ออกนอกจาก นุ่มดี – คำวิเศษณ์ที่ดูผิดตำแหน่ง

เมื่อคืนหญิงเพี้ยนเมามายจนตาบอดสี และหัวเราะกลิ้งให้กับเรื่องที่ไม่ค่อยตลก แต่เสียงหัวเราะของเธอทำให้ฉันขำไปด้วย

ดาวไฮนีเก้นสีไร?

เธอลังเล พูดแต่ว่า ไม่! ฉันกำลังอยู่ในภาพยนตร์ของหว่อง กาไว

ไม่สีส้มก็แดงนี่แหละ เธอพูดมันออกมาในที่สุด
แล้วพยายามเปลี่ยนประเด็น
อยู่ๆ หญิงเพี้ยนถามว่า ทำไมวันจันร์ต้องสีเหลือง ฉันบอก คงเพราะพระจันทร์สีเหลือง แล้วเลิกคิ้ว เธอครุ่นคิดถึงดาวที่เหลือต่อไป

เธอบอกว่า เธอมาจากดาวโปร่งแสง

แววตาเธอล่องลอย
ฉันไม่แน่ใจในค่าความจริงของถ้อยคำนั้น
แต่ก็สงสัยว่าดาวโปร่งแสงจะมีมวลหนักเบาขนาดไหน และมีการเผาผลาญพลังงานที่แกนกลางอย่างไร จึงโปร่งแสงได้
ไม่ วิทยาศาสตร์ อาจไม่ใช่สัจนิรันดร์ในบางครั้ง
หญิงเพี้ยนบอก …อย่าเนิร์ดให้มันมาก รินเบียร์ให้จนฟองปริ่มขอบแก้ว
ดาวสี’ไร ก็ช่าง แต่เบียร์สีเหลือง และโปร่งแสง สวยงาม
หญิงเพี้ยนเลื่อนปีกหมวกมาปิดคลุมตา กอดอกเอนหลังพิงเบาะที่นั่ง
หายใจช้าๆ
เดินทางกลับดาวของตน ชั่วคราว…

 

แล้วจู่ๆ ฉันเคาะประตูขอเข้าไปเยี่ยมดาวโปร่งแสง

“ต้องเสียภาษีนะ” เธอบอก ทำหน้าจริงจัง

“เออ แต่เว้นให้ก่อนก็ได้” ไม่รู้เธอพูดคำนี้หรือเปล่า แต่ฉันทึกทักว่าอย่างนั้น ได้บัตรผ่านที่คล้ายๆ วีซ่า บัตรเข้าเยี่ยมชมแต่ไม่ได้คิดว่าจะอยู่เนิ่นนาน

เธอกระโดดไปนอนชันขา เปิดหนังสืออ่าน ทำเป็นไม่สนใจโลกภายนอก หรือไม่ก็ไม่รับรู้มันจริงๆ — เอาง่ายๆ ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา จะว่าเพี้ยนก็คงใช่

สองปีผ่านไปในการใช้ชีวิตเป็นประชากรดาวโปร่งแสงอย่างสมบูรณ์

บางครั้ง ฉันคิดว่าดาวโปร่งแสงนี้ มันเหงาว้าเหว่เกินไป เพลงก็เปิดอยู่ ดนตรีก็เพราะดีและมีเทสต์ละมุน แต่ฉันกลับโหยหาแสงสีแบบที่หาได้ตามผับบาร์ แววตาเจ้าเล่ห์ ล่าเหยื่อ ปลุกเร้า การเดินเฉียดกันในห้องน้ำ ความท้าทายใหม่ๆ ฯลฯ

ฉันสัปหงกอยู่ในความฝันที่มีกลิ่นบารากุ กัญชา แสงสี และหยดเหล้าที่เปื้อนเสื้อเชิ้ต หัวกระดกขึ้นตามรีเฟล็กซ์ที่เอ็นคอ ลืมตามาเห็นเธอ – นั่งในท่าเดิม

เธอเอียงคอมองผ่านหนังสือเล่มหนามา

“ไง ไม่สนุกแล้วหรอ” แผ่นเสียงเล่นเพลงสำเนียงบลูส์ต่อไป ฉันเกาหัวแกรกๆ …สับสน

“ก็บอกแล้ว” เธอเหยียดริมฝีปากเยาะ แต่นัยตามีความเศร้าหม่น

“ไม่ต้องเสียภาษีแล้ว แต่เราคงให้เธออยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ เธอทำผิดกฎหมายร้ายแรง”

วางหนังสือลง เดินออกไปในสวน หยิบสายยางหนาหนักที่วางกองไว้ เปิดก๊อกน้ำจนสุด

“ดาวนี้ไม่ได้ต้องการความเข้าใจ” เธอพึมพำเบาๆ

ถ้อยคำพรั่งพรูไม่หยุดในสามวันสามคืนแห่งการรดน้ำต้นไม้อันยาวนาน

เธอรดน้ำด้วยน้ำตาด้วยหรือเปล่านะ เรื่องนั้นคงไม่ต้องสงสัย เสียงน้ำฉีดพ่นกระทบใบหญ้าและโคนต้นนางแย้มอย่างไม่หยุดหย่อน

ฉันกลัว กลัวว่าหากนานกว่านั้นดอกไม้จะเน่า ทิ้งตัวลงมาจมกองโคลน

แสงยามเย็นส่องลอดม่านน้ำ เกิดเป็นรุ้งประกายสดใส

ประตูก็เปิดไว้แล้ว ทำไมไม่ออกไป — เธอชายตามองมาอย่างตำหนิ แต่หันกลับไปมองต้นไม้เหมือนเดิม แสดงออกว่า ไม่เห็นจะสนใจว่าใครจะอยู่หรือจากไป

ดาวโปร่งแสงของเธอไม่เคยต้องการประชากรเพิ่มอยู่แล้ว

 

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.