เราเริ่มต้นคิดจะสมัครทุนรัฐบาลเกาหลีนี้ช่วงมกราคม ซึ่งทุนเปิดรับสมัครช่วงนี้พอดี (ก็คืองานเร่งมาก) แล้วปิดรับสมัครช่วงกลางเดือนมีนาคม (ดูบอร์ดประกาศข่าวได้ที่นี่)

GKS เป็นทุนที่ต้องใช้เอกสารหลายรายการ และก็มีเนื้อหาไกด์ไลน์ที่ละเอียดมากกก ต้องอ่านอย่างตั้งใจ ข้อสำคัญคือ เราสามารถ ‘เลือก’ สมัครได้เพียงช่องทางเดียว คือจะสมัครผ่านสถานทูตเกาหลีในประเทศ หรือ สมัครผ่านมหาวิทยาลัยก็ได้

เลือกสมัครผ่านมหาวิทยาลัย

ข้อดีของการสมัครผ่านสถานทูตคือ ถ้าผ่านสัมภาษณ์รอบแรกแล้ว ก็มักจะไม่หลุดไปไหน (ถ้าไม่มีกรณีคุณสมบัติไม่ตรงกับที่มหาวิทยาลัยกำหนด) และสามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ 3 อันดับ

ข้อควรระวัง คือต้องทำเอกสาร 4 ชุด หนาเตอะ เพราะต้องดำเนินการ 3 ขั้นตอน ก็จะมีการส่งเอกสารเหล่านี้ต่อให้แต่ละมหาวิทยาลัย **เพราะฉะนั้น Letter of Recommendation อาจารย์ก็ต้องใส่ไป 4 ชุดในซองเดียวกัน ก่อนเซ็นกำกับจุดปิดผนึก**

ข้อดีของการสมัครผ่านมหาวิทยาลัย ก็คือ เราทำเอกสารแค่ชุดเดียว แต่ตัวเลขอัตราการแข่งขันอาจจะเห็นได้ไม่ชัดเท่าไทย เพราะไม่รู้ว่าเขาแบ่งโควต้าไว้ตามสัญชาติหรือไม่ หรือลงสนามแข่งแบบนานาชาติกันตั้งแต่รอบแรก

เรายื่นสมัครทุน GKS ผ่านมหาวิทยาลัยอีฮวาโดยตรง เพราะหนักแน่นว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยนี้ตามพี่ข้าว ซึ่งสมัครผ่านสถานทูต ตอนนั้นคิดว่าถ้าแสดงความตั้งใจให้มหาวิทยาลัยเห็นไปเลย อาจจะมีโอกาสมากขึ้นก็ได้ (ซึ่งน่าจะคิดผิด)

SOP แบ่งข้อมาให้แล้ว

ขั้นตอนที่ต้องทุ่มเทเวลาเป็นพิเศษ คือการเขียน SOP *ข้อสังเกตก็คือ*แบบฟอร์มของทุน GKS จะแบ่งช่องมาให้เสร็จสรรพ (ต่างจากการเขียน SOP เองทั้งหมด) แบ่งเป็นสามประเด็น ได้แก่

• แนะนำตัวเองและความเกี่ยวข้องกับเกาหลี
• แผนการเรียน/การทำวิจัย และ
• แผนการในอนาคต (Future Plan) หลังเรียนจบ

เราเขียน SOP แบบคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อให้อาจารย์ที่จะเขียน Letter of Recommendation ได้เข้าใจความตั้งใจของเราต่อสาขาที่จะไปเรียน แล้วดึงเอาจุดเด่นหรือบุคลิกภาพของเราที่สนับสนุนเป้าหมายนั้นๆ ขึ้นมา ซึ่งเราได้รับความกรุณาจากอาจารย์ โทนี่ โอนีล สาขาภาษาอังกฤษ วิชาเอก และอาจารย์สิริพรรณ นกสวน สวัสดี จากคณะรัฐศาสตร์ ซึ่งเราเรียนเป็นวิชาโท มาเขียนให้

สุดประหม่า สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

เราเตรียมเอกสารทั้งหมดนี้ ผ่านขั้นตอนคัดกรองจากเอกสาร ไปถึงขั้นตอนที่มหาวิทยาลัยประกาศผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์ แล้วนัดคุยทางโทรศัพท์

เราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษมานาน หรือเพราะประหม่ากับการคุยกับคนแปลกหน้าทางโทรศัพท์มาแต่ไหนแต่ไร เราตอบคำถามเข้าขั้นแย่ คือตอบไม่ตรงคำถาม และปล่อยเดดแอร์หลายจังหวะ

ตัวอย่างคำถามคือ

ทำไมคุณถึงเลือกมหาวิทยาลัยเรา

คุณจะทำอะไรเพื่อมหาวิทยาลัยเราได้บ้าง

อยากเห็นตัวเองใน 10 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร

ทุกข้อจะมีจังหวะอึ้งสักหนึ่งวิ เพราะคำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตระเตรียมคำตอบมาก่อนเลย

ปรากฏว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แม้จะใช้เวลารอสายเกือบ 2 ชั่วโมง (ไม่เป็นไปตามตารางนัด อันนี้ต้องเผื่อใจจริงๆ) แต่พอรับสาย ผู้สัมภาษณ์จะพูดเร็วปร๋อ รีบตัดจบเมื่อเราไม่มีอะไรจะพูดต่อ …วางสายปุ๊บ ก็รู้เลยว่าแห้วแล้ว

ทุนมหาวิทยาลัยยังรอเราอยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ก็จะมีการสมัครรอบปกติของมหาวิทยาลัยอีฮวา ซึ่งมาถึงรอบนี้ เราก็เริ่มกระจายความเสี่ยงโดยการไปสมัครสาขาที่ใกล้เคียงที่มหาวิทยาลัยยอนเซด้วย

การสมัครทุนบัณฑิตวิทยาลัยการศึกษานานาชาติ (GSIS) ของสองมหา’ลัยนี้เหมือนกัน คือไม่ต้องเขียนใบสมัครแยก เป็นการสมัครรวมไปกับใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยเลย แต่ที่แตกต่างก็คือ ม.ยอนเซจะเลือกจากนักศึกษาทุกคนที่สมัคร ส่วนม.อีฮวาจะให้เราติ๊กในคำถามท้าย SOP ว่าเราต้องการขอทุนหรือไม่ ซึ่งคาดว่าเขาจะคัดเลือกคนจากกลุ่มที่แสดงความจำนงต้องการทุนสนับสนุนนี้เท่านั้น

ปกติที่ Ewha GSIS จะมีทุน JIN (ทุนเต็มจำนวน) กับ SUN (ทุนออกให้ครึ่งหนึ่ง) แต่ปี 2019 ที่เราสมัคร ใบประกาศรับสมัครบอกว่ามีแค่ทุน SUN เท่านั้น

และแล้วก็มาถึงวันที่ต้องสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์อีกครั้ง วันนั้นเราลนน้อยลง พอจะจับทางได้แล้วว่าสายจากเกาหลีจะมาช้าสักหน่อย เลยปล่อยใจไปทำเรื่องอื่นๆ ไม่อยากประหม่าจัดจนพูดไม่รู้เรื่องแบบคราวที่แล้ว

คำถามสมัครมหาวิทยาลัย รอบปกติ

ทำไมถึงเปลี่ยนสายจากนิติศาสตร์และอักษรศาสตร์ มาสายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

จากการทำงานเป็นโซเชียลมีเดียเอดิเตอร์ คุณคิดว่าโซเชียลมีเดียมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร ทั้งข้อดีและข้อเสีย

จะแก้ข้อเสียนี้อย่างไร

คิดว่าจีนมีบทบาทต่อโลกอย่างไรบ้าง

เราคิดว่า เนื่องจากคำถามครั้งนี้เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ทำงานของเราและเนื้อหาของวิชาที่จะเรียนพอสมควร ก็เลยแสดงความคิดเห็นออกมาได้ดีกว่าครั้งที่แล้ว

สุดท้าย ผลประกาศว่าเราได้ทุน SUN ข้อความท้ายจดหมายยังระบุว่าผู้ได้ทุนสามารถขอทุนอื่นๆ ได้อีก หากรวมกันแล้วไม่เกินค่าเล่าเรียน

ยกตัวอย่างทุนสนับสนุนอื่นๆ เช่นทุนแบบแลกกับการทำงานให้มหาวิทยาลัยตามจำนวนชั่วโมง แต่ปรึกษากับพี่ข้าวแล้ว คิดว่าเทอมแรกลองปรับตัวก่อนดีกว่า ว่าจะบริหารเวลาเรียนได้แค่ไหน เพราะเกรดมีผลกับการได้รับทุนในปีต่อไปด้วย แล้วถ้าไหว ค่อยลองสมัครเทอมหน้าก็ยังได้

อ่านเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับ Ewha GSIS เช่น ทุนการศึกษา ชีวิตการเรียน เพิ่มเติมได้ที่ Ewha GSIS blog