บ้านหมุนในกระดาษคำตอบ

เมื่อวานเป็นวันที่พังทลาย

มันเริ่มมาจากการนอนหลับๆ ตื่นๆ กระวนกระวาย ฝันว่าไปสอบไม่ทัน ตื่นขึ้นมาใกล้ฟ้าสาง แล้วก็หลับต่อไม่ลง รู้สึกตัวอีกทีตอนสาย บ้านก็หมุน

อาการบ้านหมุนกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่เคยเป็นมาแล้วตอนอยู่กรุงเทพฯ เมื่อสามสี่เดือนก่อน

อย่างที่คาดเดาได้จากประสบการณ์ครั้งก่อนหน้า มันตามมาด้วยอาการพะอืดพะอมอย่างรุนแรง

สิ่งที่แย่แบบทวีคูณคือวันนั้นเป็นวันสอบมิดเทอมของวิชาที่เครียดที่สุดในเทอมนี้ เพราะต้องไปเขียนเรียงความตอบคำถามสองข้อ ความยาว 8 หน้ากระดาษคำตอบ ขุดเอาทุกสิ่งที่เรียนมาในช่วงเกือบสองเดือนมาสาธยายอย่างเป็นระบบให้กับอาจารย์

แต่หลังจากบ้านหมุน เราไม่คิดอะไรนอกจาก ขอให้เอาร่างพังๆ นี้ไปสอบได้ ค่อยๆ เดินโซเซไปตามถนนช็อปปิ้งสตรีตหน้าประตูมหา’ลัยสตรีอีฮวา เดินช้าเหมือนเต่าเมาคลื่น ฝ่านักศึกษาสาวและนักท่องเที่ยวมากมาย จนมาถึงตึกเรียน ข้าวคอยพยุงมาตลอดทาง แล้วก็ไปเติมน้ำใส่กระติกส่งให้ก่อนเข้าห้องสอบ

กระดาษตรงหน้าเป็นเหมือนเพียงวัตถุในฝัน ล่องลอย ไกลแสนไกล ไร้ความหมาย

สิ่งที่ชัดเจนกว่าเส้นบรรทัดคืออาการมวนท้อง เราอ่านคำถามแต่ละข้อใน 11 ข้ออย่างเชื่องช้า เพื่อเลือกว่าจะตอบ 2 ข้อไหน ถึงจะเหมาะสมกับสังขารตอนนี้ที่สุด

สุดท้ายเราเลือกข้อที่ต้องอธิบายว่าทฤษฎี IR แบบ Realism ที่ชื่อนั้นเคลมว่าตัวเอง realistic นั้น เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่

ข้อที่สอง เลือกตอบเรื่องสาเหตุของความยากจน ว่าแนวคิดอะไรพูดถึงเรื่องนี้ได้ดีที่สุด (เราเลือกใช้ Neoliberalism กับ Marxism ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันใช้ได้หรือเปล่า)

นอกจากจะมึนหัวแล้ว ยังพบว่าข้อมูลที่พกมาในหัวนั้นไม่มากพอจะเขียนได้ข้อละ 4 หน้ากระดาษเลย ทักศะการเขียนภาษาอังกฤษอันเชื่องช้าทำให้ทั้งพะว้าพะวงระหว่างเขียนและต้องหยุดอ่านทวนเป็นระยะๆ

เสียงหัวปากกากระทบกระดาษของเพื่อนรอบข้าง เสียงกระดาษสวบสาบ และเสียงเทปลบคำผิดปื้ดๆ เราเหมือนนักวิ่งที่วิ่งเหยาะๆ ท่ามกลางผู้คนที่ซอยเท้าเต็มสปีดใกล้เข้าเส้นชัย

นาฬิกาเดินไว 2 ชั่วโมงที่คิดว่าจะนานสำหรับคนป่วยก็กลับสั้นจนน่าใจหาย เรากระโดดจากข้อแรกที่เขียนได้แค่ 3 หน้านิดๆ ไปปั่นข้อที่สอง ด้วยความยาวไม่ถึง 2 หน้า

เงยหน้าขึ้นมา เหลือเวลาอีก 5 นาที และเพื่อนร่วมห้องสอบคนสุดท้าย

สะบัดมือไล่ความปวดที่เส้นเอ็นยึดนิ้วมือทั้งห้า ร่างกายชำรุดบอกเราว่า “พอเถอะ ได้แค่นี้แหละ ทั้งสมองและร่างกายวัย 27 ของเอ็งด้วย” แล้วเดินไปส่งกระดาษคำตอบ

ก่อนออกจากห้อง อาจารย์ยิ้มให้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรียนกับเขามา ใจชื้นขึ้นนิดหน่อย แม้จะหวั่นๆ ว่า เขียนไปแค่ 5 หน้า จะเป็นไรไหมนะ

เรื่องราวเมื่อวานผ่านไปแล้ว วันนี้เลยมาซ่อมตัวเองด้วยการเดินดูใบไม้เปลี่ยนสีในมหา’ลัยหลังเลิกเรียน

นึกถึงโคลงกลอนที่เคยเรียนตอนอยู่อักษร ความซวยหรือโศกนาฏกรรมของปัจเจกฯ เป็นเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมชาติไม่สนใจ บรรยากาศรายรอบยังหมุนเวียนตามฤดูของมันต่อไป แถมสวยเสียจนความเศร้าของเรากลายเป็นเรื่องขำๆ

XIR3675
“Landscape with the Fall of Icarus” Pieter Bruegel the Elder [Public domain]

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.