พอฤดูใบไม้ร่วง คนก็พากันเดินทางไปยังซกโชเพื่อไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่อุทยานซอรักซาน เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เริ่มจะย่างเข้าปลายเดือนตุลาคม พวกเราสี่คน (คนไทยสาม คนบัลแกเรียหนึ่ง) ก็จองตั๋วรถทัวร์เดินทางไปเมืองซกโช ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติซอรักซาน เมืองชายทะเลทางตะวันออกของเกาหลีใต้
เนื่องจากการขึ้นเข้าจะต้องใช้เวลา เราตื่นหกโมงครึ่ง ขึ้นรถทัวร์เที่ยวเช้า แต่ดูเหมือนจะเร็วไม่พอ เพราะตอนที่เดินลงไปถึงรถไฟใต้ดิน พี่เก้าซึ่งเป็นคนเดียวที่คอยเช็กตารางรถไฟใต้ดินแบบเรียลไทม์ก็บอกว่า ไม่ทันแล้ว ถ้ารอขึ้นรถไฟแล้วเปลี่ยนสายไปสถานีรถบัส จะไปไม่ทัน 7 โมง และบอกเลยว่ารถไฟที่นี่ตรงเวลา ถ้าตารางบอกว่าไม่ทันก็คือไม่ทัน!
พวกเรารีบแจ้นจากสถานีรถไฟอีแด ขึ้นไปโบกแท็กซี่ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ตื่นเต้นกันจนเผลอโบกคันที่มีคนแล้วตั้งสองสามคัน (คันที่ว่าง ป้ายไฟด้านบนคันรถจะส่องสว่าง)
พอขึ้นรถปั๊บ พี่เก้าบอกคนขับทันทีว่าให้รีบไป เขารีบซิ่ง แล้วเข้าจอดเทียบท่ารถ 6:56 เรารีบวิ่งตามประสาคนอุ้ยอ้ายไปขึ้นรถ อิริน่าเอาตั๋วในมือถือไปสแกนที่เครื่องตรงทางขึ้นรถสี่คนรวด พอ 7 โมงปุ๊บ รถทัวร์ก็ออกจากท่าทันที
อิริน่าถึงขั้นเตรียมไม้เท้าปีนเขาและสั่งซื้อรองเท้ามาเพื่อการนี้ คิดดูแล้ว การปีนเขาซอรักซานมันจะต้องโหดแน่ๆ
พอไปถึงซกโช เราเอากระเป๋าไปฝากที่เกสต์เฮาส์ซึ่งอยู่ในตัวเมือง หาอะไรกิน แล้วก็นั่งรถเมล์ไปที่อุทยาน ….ซึ่งจะต้องมาเสียใจทีหลังว่าไม่น่าเข้าเมืองไปแบบนั้นเลย
เพราะรถติดมากกกกกกกก ตั้งแต่ยังไม่ถึงทางเข้าอุทยาน (บอกแล้วว่าทุกคนมุ่งหน้ามาที่นี่!)

เราอยู่บนรถเมล์ที่จอดมากกว่าแล่นอยู่เป็นชั่วโมงๆ สุดท้ายทุกคนพร้อมใจกันลงเดินไปเองจนถึงทางเข้า
แม้จะช้าไปสักหน่อย แต่บรรยากาศสวยตั้งแต่ทางเข้า มองเห็นใบไม้เปลี่ยนสีและวิวเทือกเขา มีคนต่อแถวขึ้นกระเช้าเยอะมากจนเลื้อยออกมาเกือบขวางทาง
พวกเราเดินไปถ่ายรูปไปไม่รีบร้อน เพราะตื่นเต้นกับใบไม้เปลี่ยนสีในบรรยากาศธรรมชาติ ปกติแล้วใบไม้เปลี่ยนสีในโซลมันก็สวยมากอยู่แล้ว แต่ที่นี่เราได้เห็นภาพใบไม้เปลี่ยนสีเรียงสลับโทนกันแบบอลังการ

แชะ แชะ แชะ อะ ขยับอีกท่า แชะ แชะ …. จนกระทั่งพบว่าทางขึ้นเขาในเส้นทางที่เราเลือกไปนั้นมันปิดตั้งแต่บ่าย 3!! (ตอนที่เพื่อนไปถึงคือบ่าย 3 กับอีก 12 นาที) ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาเผื่อเวลาให้คนที่ขึ้นไปได้มีเวลาลงมาทันก่อนเวลาปิดอุทยาน คือถ้าไปหลังจากเวลาที่กำหนดนี้ ก็ไม่น่าจะรอด เพราะมันคงจะมืดไปซะก่อน และทางข้างบนคงอันตรายกว่าข้างล่างเยอะ
ผลสรุปว่าเราไม่ทันได้เดินขึ้นไปเจอมุมสูงของซอรักซานเลยด้วยซ้ำ อิริน่าที่พกไม้เท้าและแต่งตัวมาเต็มก็ดูเงียบๆ ไปเลย เข้าใจว่าคงเสียดายมาก
เรากลับมาที่ที่พัก ซึ่งเป็นเกสต์เฮาส์ที่มีเตียงสองชั้น สี่ที่พอดีกับหนึ่งห้อง และมีห้องน้ำในตัว เกสต์เฮาส์ตกแต่งน่ารักดี แม้จะมีความเก่าของอาคาร ด้านบนเกสต์เฮาส์เป็นดาดฟ้าที่แสงสวยมาก แต่ว่าพอขึ้นไปนั่งดื่มเบียร์ก็พบลมหนาวโกรกจนตัวสั่น ไม่สามารถนั่งดื่มเก๋ๆ ได้อีกต่อไป


วันที่สอง เราชดเชยความจ๋อยของวันแรกด้วยการไปกินซีฟู้ด
ก็เพราะซกโชเป็นเมืองชายทะเล ร้านที่เราเลือกนั้นปรากฏว่าอยู่ในตลาดซีฟู้ดขนาดใหญ่มากของซกโช เป็นร้านที่เราเสิร์ชมาล่วงหน้าจาก Naver Map แล้วปักหมุดไว้ว่ายังไงก็ต้องลอง แต่ไม่ยักรู้ว่าจะมีร้านให้เลือกมากมายละลานตาขนาดนี้!




ร้านค้าที่นี่หลายๆ ร้านคล้ายกับไทยตรงที่แม่ค้าจะเอารูปหน้าตัวเองแปะหราไว้ เหมือนเป็นแบรนด์ไอเดนติตี้อันเข้มแข็ง เห็นแล้วรับรองได้ว่าเจ้านี้อร่อย อารมณ์ เจ๊คิมเจ้าเก่า!
เนื่องจากอิรินาไม่กินอาหารทะเล พวกเราสามคนที่เหลือเลยสั่งปูแดงกับปูหิมะ (50,000 กับ 80,000 วอน ต่อกิโลกรัม) เนื้อนุ่มหวานฉ่ำเป็นก้อน ไม่เละ ก็เพราะแม่ค้าหยิบปูตัวเป็นๆ ใส่หม้อลงไปต่อหน้าต่อตา

พนักงานจะให้เราเลือกปูตัวที่ชอบในตู้กระจกด้านหน้า แล้วเอามาชั่งน้ำหนักหน้าร้าน ถ้าเราโอเคกับน้ำหนักแล้วเขาถึงจะเอาปูนั้นใส่ในถังนึ่งหน้าร้าน แล้วเดินเข้ามานั่งกินเครื่องเคียงรอ เครื่องเคียงที่นี่พิเศษหน่อย ตรงที่มีหอยสดๆ เสิร์ฟ เสริมจากกิมจิและเครื่องเคียงทั่วๆ ไป พอปูมา เราก็กินกันอย่างตะกละ เสร็จแล้วเขาก็เอาส่วนมันปูที่เหลือไปผัดกับข้าว สาหร่าย และงา ได้ออกมาเป็นข้าวผัดกินปิดท้ายให้อิ่มท้อง
เสร็จแล้วเราก็ไปเดินเล่นชมเมืองซกโช แล้วแวะคาเฟ่ริมทะเลสาบชื่อ Anne Coffee Story คาเฟ่ที่ตกแต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมชัน Anne of Green Gables ซึ่งก็ไม่ได้ประทับใจเท่าไร เพราะบรรยากาศไม่ได้ละมุนเท่าในรูปรีวิว แต่นั่งรับลมทะเลกำลังสบายๆ ดี จริงๆ แล้วซกโชมีชายหาดด้วย แต่ไม่ได้ไป
ไว้จะไปอีกแน่นอน เพราะติดใจเมืองที่มีทั้งทะเลและภูเขาอย่างซกโช








พิกัดร้านปู [Naver Map]
Chonggak’s Snow Crab
강원 속초시 중앙로147번길 16
http://naver.me/GT729K29