หางานในเกาหลี แบบนักศึกษาต่างชาติ

หลังจากเรียนจบอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคมก็ใช้เวลาเรียนภาษาไปด้วยและหางานตามเว็บและจ็อบแฟร์ ในที่สุดก็ได้งานที่สตาร์ตอัปแห่งหนึ่งที่ทำแอปพลิเคชันหางานสำหรับคนต่างชาติในเกาหลี ชื่อว่า KO-LIFE (ฝากไปกดไลก์เพจภาคภาษาไทย) แต่ตอนนี้เป็นช่วงฝึกงานสามเดือน เหมือนดูๆ กันไปก่อน ถ้าพึงพอใจทั้งคู่ก็จะได้เป็นพนักงานประจำ

วันนี้เลยจะมาเล่าเส้นทาง (ที่สั้นจุ๊ด) ของการหางาน

อย่างที่เคยเล่าว่าแรกเริ่มเดิมทีเราไม่ได้จะรีบหางานตอนนี้ เพราะรู้ตัวว่าภาษาเกาหลียังต้องพัฒนาอีกเยอะ เลยคิดจะเรียนภาษาไปก่อนหนึ่งปีเต็มๆ แต่กลายเป็นว่าจู่ๆ ก็มีปัญหาว่าต่อวีซ่า D4 ที่เกาหลีไม่ได้ มีแต่ไพ่ใบสุดท้ายคือ D10 หรือวีซ่าระยะ 6 เดือน สำหรับคนที่หางานอยู่ในเกาหลี

การหางานในเกาหลีจึงเริ่มขึ้น แบบเผื่อใจว่าเขาคงไม่เอา เพราะภาษายังไม่ได้ แต่เพื่อนที่หางานไปด้วยกันก็บอกว่า อย่างน้อยมีประวัติว่าไปสัมภาษณ์งานมาบ้าง ตอนไปต่อ D10 รอบสองก็ดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากกว่า

เลยเป็นเหตุผลให้เรากล้าเข้าร่วม Job Fair for International Students 2021 ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อให้บริษัทในเกาหลีมาเฟ้นหาพนักงานต่างชาติจากกลุ่มนักเรียนต่างชาติในเกาหลีโดยเฉพาะ (ที่เขาเน้นว่าเป็นนักเรียนต่างชาติ อาจจะเพราะเห็นว่าน่าจะคุ้นเคยกับภาษาและสังคมเกาหลีประมาณหนึ่งแล้ว)

นอกจากจ๊อบแฟร์ ก็มีช่องทางอื่นๆ เช่น เว็บไซต์อย่าง Saramin, LinkedIn, JobKorea, Craigslist ที่ลงประกาศงานเช่นกัน แต่เว็บไซต์ที่เป็นของเกาหลีโดยเฉพาะมันก็จะเป็นภาษาเกาหลีทั้งเว็บ แถมตำแหน่งงานส่วนใหญ่ก็มีมาเพื่อคนเกาหลีหรือไม่ก็คนต่างชาติที่ต้องเก่งภาษาเกาหลีมากๆ

ส่วนจ๊อบแฟร์นี้ ขั้นตอนการกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะเข้าไปสัมภาษณ์ในวันงานได้เลย ก่อนงานเริ่มประมาณเดือนหนึ่งเราจะต้องไปกรอกประวัติเอาไว้ คล้ายๆ ว่าเป็นเรซูเม่สำเร็จรูป (แต่ขอแนะนำให้แนบเรซูเม่กับ cover letter ที่ทำเองแบบ pdf ไปด้วย) แล้วก็ไปจิ้มเลือกตำแหน่งที่บริษัทลงประกาศไว้

พอเป็นจ็อบแฟร์สำหรับคนต่างชาติ บริษัทก็มักจะระบุชัดว่าอยากได้คนประเทศอะไร ซึ่งเท่าที่สำรวจกับเพื่อนไต้หวันที่ร่วมทางผจญภัยหางานไปด้วยกันในช่วงนี้ก็พบว่าที่ทางของคนต่างชาติ (ที่ไม่ใช่สายวิทย์) สำหรับงานนั่งโต๊ะช่วงนี้ก็ได้แก่ งานการตลาดต่างประเทศ งานแปลเกม แปลซับไตเติล และแปลเว็บตูน (มีบริษัทที่ทำเว็บตูนหลากหลายมาก ส่วน Kakao กับ Naver นั้นเป็น ‘แพลตฟอร์ม’ ของมันอีกที) ซึ่งหาคนอย่างดุเดือด

เราเลือกไป 5 ตำแหน่งจาก 5 บริษัท เพราะอย่างที่บอกว่าไม่ได้หวังมาก แค่อยากได้ประวัติว่าไปสัมภาษณ์งานมา แต่เพื่อนบางคนเลือกสัมภาษณ์ 8 แห่งในวันเดียวเลยก็มี

สุดท้ายมี 3 บริษัทที่ตอบรับว่าจะสัมภาษณ์ในวันงาน ทั้งหมดเป็นงานเกี่ยวกับ online marketing เพราะบริษัทมีแผนจะขยายตลาดไปต่างประเทศหรือไม่ก็อยากจะคุยกับลูกค้าคนต่างชาติในเกาหลีให้มากขึ้น

พอบริษัทตอบรับ ทางทีมงานของเทศกาลนี้ก็จะโทรมาถามว่าเราสะดวกเมื่อไร แล้วเขาก็ไปจัดตารางสัมภาษณ์ของเรากับบริษัทต่างๆ ให้ ส่วนคนที่ไม่ได้รับการตอบรับล่วงหน้า จะไปหน้างานแล้วขอลงทะเบียนเพื่อขอโอกาสสัมภาษณ์ในคิวที่ยังว่างก็ได้ ถ้าบริษัทนั้นๆ ยอม

เนื่องจากมาตรการโควิดยังเข้มงวด คนที่ฉีดวัคซีนเข็มที่สองมายังไม่ครบสองสัปดาห์ จะต้องไปสถานีตรวจโควิดให้ได้ผลเป็น negative อย่างน้อยสามวันก่อนวันงาน และพอไปถึงงานเขาก็ควบคุมปริมาณคนที่อยู่ในฮอล มันก็เลยดูเงียบๆ แต่จริงๆ ก็เพื่อความปลอดภัยไม่พลุกพล่าน

พอไปถึงงาน เราต้องไปรายงานตัวเพื่อรับบัตรประจำตัวที่มีบาร์โค้ดมาห้อยคอไว้ แล้วสแกนเข้างาน

สองบริษัทแรกที่เราสัมภาษณ์ เราขอเขาตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ พอเราสัมภาษณ์บริษัทแรกเสร็จก็รู้สึกจ๋อยๆ เพราะดูออกว่าเขาไม่ค่อยประทับใจกับประสบการณ์การทำงานนัก เลยอยากจะกลับบ้าน แต่ก็ลองไปบูทของบริษัทที่สองดู

ระหว่างรอ บริษัทที่สามก็เมจเสจมาเป็นภาษาเกาหลีว่า “ตอนบ่ายสามยังสะดวกมาสัมภาษณ์ไหมครับ” เราก็งงๆ แล้วก็มีความคิดแวบหนึ่งว่าเขาต้องพูดภาษาเกาหลีกับเราแน่เลย หนีกลับบ้านดีกว่าไหม

แต่พอคิดได้ว่ากว่านั่งรถไฟใต้ดินจะมาถึง SETEC สถานที่จัดงานนี้ก็ไกล ทำไมไม่ลองดูขำๆ เล่า (คุยกับตัวเอง) ก็เลยพิมพ์ตอบไปว่า “สะดวกค่ะ”

บริษัทที่สามนั้นคือ KO-LIFE เป็นการสัมภาษณ์ที่เราไม่มั่นใจที่สุดในบรรดาสามบริษัท เพราะพอนั่งปุ๊บเขาก็บอกให้แนะนำตัวเป็นภาษาเกาหลี เราตอบไปแบบกระท่อนกระแท่นเหมือนคนที่เรียนกึบ 2 แล้วใจก็คิดว่า โอเค มันจบแล้ว … ขายหน้าชะมัด แต่ก็ขำตัวเองไปด้วยในใจ

พูดจบสามประโยค เขาก็ยังนั่งจ้องตาแป๋ว พยักหน้าให้พูดต่อ โชคดีที่ก่อนมางานเราเตรียม cover letter ทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี (ที่ให้พี่ข้าวช่วยตรวจอีกที) มาด้วย เขาก็เลยอ่านใบนั้นแล้วถามเช็กเป็นเรื่องๆ ไป

สรุปว่า KO-LIFE เป็นบริษัทเดียวที่ติดต่อกลับมาให้ไปสัมภาษณ์รอบสองศุกร์หน้า (ตอบภายในสองวัน) ส่วนอีกสองบริษัท มีทั้งที่ตอบปฏิเสธมาและที่หายไปเป็นอาทิตย์ถึงตอบก็มี

การสัมภาษณ์ครั้งที่สอง เป็นการสัมภาษณ์ในมหาวิทยาลับคอนกุก โกลคอลแคมปัส ที่สำนักงานใหญ่ในชุ่งจู นั่นก็เพราะบริษัทนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยและออฟฟิศตั้งอยู่ใน Business Incubation Center ของมหาวิทยาลัย

พอไปถึงก็มีคนเวียดนามกับจีนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองรวมทั้งเราจะเป็นทีม Marketing ที่เจาะตลาดคนต่างชาติแต่ละชาติที่อาศัยอยู่ในเกาหลี เพราะฉะนั้นภาษาแม่ของเราจึงสำคัญที่สุด

แต่ทั้งคู่พูดภาษาเกาหลีคล่องมาก แทเพียวนิมหรือ CEO ที่นั่งใส่ชุดคอเต่าเหมือนสตีฟ จ็อบส์ ก็ดูพูดเร็วและใช้ศัพท์ยากตามไปด้วย เราได้แต่นั่งงงเป็นไก่ตาแตก จนเขาหันมาถามว่า “understand?”

และเราตอบ “no”

รอบนี้ก็คิดว่า โอ้ว เสียดายค่ารถทัวร์ โชว์โง่ไปขนาดนี้ สงสัยเขาไล่กลับบ้านแน่ แต่พอคุยกันเสร็จในหนึ่งชั่วโมง แทเพียวนิมก็บอกทุกคนเลยว่า “แล้วเจอกันอีกนะครับ รีบไปคิด ตัดสินใจแล้วตอบมานะ” (อันนี้เป็นภาษาเกาหลีที่ฟังรู้เรื่อง)

ช่วงสามเดือนแรกจะเป็นการฝึกงานเพื่อดูผลงาน เพราะพอเป็นบริษัทสตาร์ตอัปที่ยังเล็ก เขาก็ยังต้องใช้ข้อมูลฐาน User ไปโน้มน้าวนักลงทุนอีกที เราเลยไม่แน่ใจว่าสามเดือนหลังจากนี้จะได้เป็นพนักงานประจำจริงๆ หรือเปล่า ยังไม่นับปัญหาเรื่องวีซ่า E7 ที่อาจจะติดขัดเพราะทำงานไม่ตรงสาย แต่ตอนนี้คิดว่าเป็นประสบการณ์ทำงานที่เดิมทีไม่ได้อยู่ในแผนด้วยซ้ำก็ได้มาอย่างไม่ตั้งใจ ยังไงก็จะลองไปก่อน

แถมแทเพียวนิมก็คิดการใหญ่ อนาคตอยากให้แอปนี้เป็นมากกว่าแอปหางาน แต่จะเป็นแอปที่ผสานทุกมิติชีวิตของคนต่างชาติในเกาหลีในอนาคต ซึ่งดูไปด้วยกันได้ดีกับแนวคิด global citizen ที่เรามี

ยังไงก็ฝากดาวน์โหลดแอป KO-LIFE (กดผ่านมือถือ) แล้วช่วยรีวิวเป็นภาษาไทยให้ด้วยนะทุกคน ตอนนี้ส่วนใหญ่ยังเน้นไปที่งานพาร์ททามและงานออกแรง

1 คิดบน “หางานในเกาหลี แบบนักศึกษาต่างชาติ

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.