มีจุดนี้เกิดขึ้นมาเสมอ ๆ บางครั้งก็เว้นระยะไปนาน แต่ครั้งนี้มันกลับมาแล้ว
จุดที่ต้องมานั่งคิดว่าชีวิตเรามีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า พัฒนาได้กว่านี้หรือเปล่า คนรอบตัวไม่มีความสุขเวลาอยู่ใกล้เราหรือเปล่า
เรายังจำคำพูดหนึ่งได้ชัด สมัยมัธยมต้น พระรูปหนึ่งชี้ที่ตัวเราแล้วพูดหนักแน่นเสียงดังอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า
“ใช้ชีวิตอย่างฉลาด!”
อาจเป็นเพราะชื่อเราเองก็แปลว่า ผู้เป็นที่รักของนักปราชญ์/ ผู้ตั้งอยู่ในความรู้ เมื่อถูกเชื่อมโยงกับการครุ่นคิดและความฉลาด เราจึงเป็นเด็กที่กลัวความโง่แบบผวาเกินเหตุ แม้จะโดนคนใกล้ตัวรุ่นเดียวกันด่าว่าโง่ ก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า โดยไม่รู้เลยว่านั่นแหละคือความโง่
เป็นมนุษย์อีกคนหนึ่งที่พยายามค้นหามาตลอด 23 ปีที่ผ่าน ว่าการใช้ชีวิตอย่างฉลาดนั้นควรเป็นอย่างไร
แม้ผู้พูดจะเป็นพระนุ่งห่มจีวรเหลือง แต่นั่นก็ไม่ได้โน้มน้าวให้หันหน้าเข้าพุทธศาสนาอย่างทันทีทันใด เปล่าเลย ตอนนั้นเราก็เพียงมองพระสงฆ์เป็นสมมติเทพที่ต้องไหว้ การไม่นับถือเท่ากับบาป และการที่ท่านชี้นิ้วมาเช่นนั้นก็อาจพยากรณ์อนาคตได้ เราคิดแค่นั้น
เราเริ่มจากการหมกมุ่นกับความฉลาดทางวิชาการ อย่างน้อยเกรดเฉลี่ยก็เป็นมาตรวัดที่คนรุ่นเดียวกัน (ในวัยเรียน) ไม่กล้าด่าว่าโง่
ยุคต่อมา เราดูหมิ่นการตั้งใจเรียนและการว่านอนสอนง่าย เป็นยุคแห่งการโดดเรียน เดินตามความอยากที่หลากหลาย เพราะคิดว่าการใช้ชีวิตไขว่คว้าความสุขอย่างไม่เต็มศักยภาพก็อาจเป็นความโง่
ในยุคแห่งวรรณกรรม เราอ่านอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เหมือนเด็กคนหนึ่งที่เพิ่งค้นพบแผ่นดินใหม่ เหมือนชาวบ้านคนหนึ่งที่ตื่นทองในซานฟรานซิสโก เราดื่มด่ำถ้อยคำหวานขมและตั้งตัวเองเป็นหนึ่งนักพรตบนแผ่นกระดาษ เพื่อร่วมจาริกไปบนเส้นทางศรัทธาของเหล่านักเขียน
เรามองพวกเขา เหล่านักเขียน เป็นประชากรส่วนน้อยของโลกที่ฉลาดพอจะใคร่ครวญสิ่งที่คนอื่นละเลยไม่เคยคิด
เราเข้าใจไปเองว่าตัวเองได้ถอดแว่นบังสายตาออก และมองโลกด้วยสายตายิ้มเยาะ
มองศีลธรรมเป็นเรื่องโกหกของนักปกครอง
แต่พร้อมกันนั้นก็เกลียดชังคนแบบเดียวกันนี้ที่หาได้ไม่ยากเลย เมื่อมองไปรอบๆ
คำพูด “ใช้ชีวิตอย่างฉลาด” นั้นกลับผลักเราไปอีกทาง เราเพียงมองอย่างแคบๆ เพราะกลัวความโง่ที่คนอื่นอาจแปะป้ายให้ เราจึงเป็นได้แค่คนโง่ที่แกล้งฉลาด และก็ยังคงเป็นอย่างนั้นตลอดมา
จนบางค่ำบางคืน ที่เหมือนน้ำตามันคั่งอยู่ข้างใน เราถามตัวเองว่า นี่น่ะหรือ คือการใช้ชีวิตอย่างฉลาด ทำไมจึงยังอยาก ยังปรารถนา ยังปลอบประโลมตัวเองไม่ได้ ยังน้อยใจ ยังรู้สึกโหวงๆ เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
เราหรือคือผู้เป็นที่รักของนักปราชญ์ … คำก็เป็นเพียงคำ ชื่อก็เป็นเพียงชื่อ
คงเป็นค่ำคืนของชีวิตที่มืดมิด เป็นอีกครั้งที่เราต้องยอมรับว่าเราไม่รู้ – ไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตที่ฉลาดนั้นควรเป็นอย่างไร