ขอบคุณแสงอาทิตย์ตอนหนึ่งทุ่ม

ช่วงนี้เริ่มกลับไปวิ่ง จากที่แรกๆ เล็งว่าจะไปสมัครฟิตเนสของมหาวิทยาลัย (ซึ่งอยู่ใน ECC มีลู่วิ่งเยอะเชียวล่ะ) แต่ก็รีรอเพราะราคามันแพงอยู่ คือพันกว่าๆ เราก็คิดแล้วคิดอีกว่ามันจำเป็นไหมนะ หรือเต้นตามคลิปที่บ้านดี

ไปๆ มาๆ พอมาเจอเรื่องโรคระบาด ฟิตเนสหรือห้องอ่านหนังสือก็ปิดชั่วคราวไม่มีกำหนดไปหมด เราก็เลยเริ่มเปิดใจให้ลู่วิ่งกลางแจ้งที่ล้อมรอบสนามฟุตบอลเล็กๆ ตรงใกล้ๆ ทางเข้ามหาวิทยาลัย

ที่ต้องเปิดใจเพราะว่าตรงนั้นมันดูโล่งโจ้งมาก ใครเดินผ่านไป-มาตรงทางเข้าก็เห็นเลยว่ามีคนวิ่งอยู่ ตรงนั้นนักศึกษาแทบทั้งมหาลัยจะต้องเดินผ่านเป็นประจำ มันก็เลยเขินๆ ถ้าออกมาใส่ชุดวิ่ง วิ่งพุงพลุ้ยๆ ก็กลัวเพื่อนที่เรียนด้วยกันจะเห็น

…เออ มันเป็นความกลัวแบบ กลัวทำไมนะ แต่ก็เขินอยู่ดีแหละ

จนสุดท้าย เริ่มมีปัญหาสุขภาพ เหนื่อยง่าย หงุดหงิดงุ่นง่าน คงเพราะอยู่ในบ้านนานๆ ด้วย มองตาชั่งตอนนี้ก็คือเพิ่มมา 4 กิโลแล้วจากที่เริ่มมาอยู่ใหม่ๆ พอทางการเกาหลีเริ่มประกาศว่าสถานการณ์โรคระบาดเริ่มดีขึ้น เราก็เลยถือโอกาสออกไปซื้อเสื้อวิ่งดีๆ มาหนึ่งตัว เนื้อผ้าเบา ระบายอากาศ มาเสริมสร้างกำลังใจ

ปรากฏว่าพอไปวิ่งจริงๆ อยู่ในโซนนั้นก็รู้สึกตัดขาด ไม่ได้สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลย เห็นกลุ่มมนุษย์เป็นจุดอยู่ไกลๆ ความเขินอายที่คิดไปล่วงหน้าว่าจะมีแน่ๆ ก็ดันไม่มี แถมบรรยากาศตอนนี้ก็ดีมาก ต้นไม้กำลังมีใบเขียวครึ้ม อากาศกึ่งชื้นกึ่งมีแดดแซม ตอนเย็นๆ อยู่ที่ 18 องศา

ยิ่งหน้านี้พระอาทิตย์ขึ้นเร็ว ประมาณตีห้าครึ่ง และตกประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง เราเลยสามารถออกไปวิ่งหลังหมดคาบเรียนสุดท้ายช่วง 18.15 น. ได้สบายๆ

เราคงทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ในหน้าหนาว ทั้งการใส่ชุดกีฬาบางเบาในอากาศ 3 องศา หรือการที่พระอาทิตย์รีบร้อนจากเราไปในแต่ละวัน

นี่เป็นใบไม้ผลิแรกที่เราได้ใช้ชีวิตในเกาหลี แสงอาทิตย์ตอนหนึ่งทุ่มในฤดูนี้สว่างเหมือนตอนโพล้เพล้ สว่างพอให้เห็นทางชัด แต่ไม่ร้อนแล้ว เหมาะกับการเสียเหงื่อมากๆ เพราะข้อจำกัดของเราคือเป็นคนที่ร่างกายร้อนง่ายเวลาออกกำลัง พอร้อนจัดๆ แล้วจะเป็นลม อากาศตอนนี้เป็นมิตรกับเรามาก เย็นกำลังพอดีที่จะระบายความร้อนออกไป

ลู่วิ่งมีแค่ 4-5 ลู่ ถือว่าแคบๆ รอบหนึ่งได้ไม่กี่ร้อยเมตร คนส่วนใหญ่เหมือนจะมาเพื่อเดินวนกันมากกว่า ไม่เรียกว่าเดินเร็วด้วยซ้ำ โชคดีที่คนไม่เยอะ ไม่งั้นก็คงวิ่งต่อเนื่องไม่ได้แน่ๆ

มีช่วงที่เราหยุดวิ่ง เดินดูแสงอาทิตย์ไล้แนวตึกคอนโดที่ยืนเรียงแถวอยู่ใกล้ๆ มหาลัย สัมผัสลมอ่อนๆ ที่แตะหน้าผากและใบหู รู้สึกว่าการมาเรียนที่นี่ในช่วงเวลานี้ ตอนอายุ 28 ปี ก็เหมือนเรามาซื้อชีวิตที่มีความสุขชั่วคราว เหมือนกับที่เราเคยเพ้อฝันว่าอยากมีบ้านพักอยู่ในพังงา แต่จะทำอาชีพอะไรที่นั่นก็ยังไม่รู้เลย

บ้านชั่วคราวที่โซลนี้ มีทุกอย่างอยู่ใกล้ๆ ทั้งมหาลัย ร้านกาแฟดีๆ ร้านตัดผมราคาถูก ร้านขายยาที่มีให้เลือกหลายร้าน สถานีรถไฟฟ้าที่เดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าว ป้ายรถเมล์ที่สุดสะดวก เครื่องออกกำลังในสวนชุมชน ที่สำคัญ ร้านเบียร์ดาดฟ้าบรรยากาศดีๆ

ต้องรีบปัดความคิด อย่าเพิ่งคิดข้ามช็อต ตอนนี้เราต้องเก็บเกี่ยวเวลาตรงนี้ไว้ก่อน

เพราะเดี๋ยวไม่ทันไร ฤดูใบไม้ผลิก็จะจากไปแล้ว

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.